ปัญหาที่ตามมาอย่างหนึ่งภายหลังการรวบรวมความรู้จากผู้ปฏิบัติในองค์กรออกมา แล้วมาจัดเก็บไว้ในถังความรู้ขององค์กรแล้วคือ จะทำอะไรต่อไป แค่สกัดความรู้ออกมาได้ แล้วมาจับใส่ลงถัง ถือว่ามีระบบการจัดการความรู้ (KM) แล้วหรือ? คำตอบคือ ยัง? ยังไม่ถือว่ามีระบบการจัดการความรู้ เพราะการที่จะกล่าวได้ว่ามีระบบการจัดการความรู้เกิดขึ้นแล้ว จะต้องมีครบองค์ประชุม อันได้แก่…
กำหนดองค์ความรู้ที่สำคัญกับธุรกิจ –> สร้างความรู้นั้นให้เกิดขึ้นในองค์กร –> จัดเก็บความรู้นั้นเข้าถังความรู้ขององค์กร –> นำความรู้นั้นไปใช้งาน –> Update ความรู้นั้นให้ทันสมัยอยู่เสมอ –> ย้อนกลับไปดูว่าความรู้ที่สร้างและ update อยู่นี้ยังคงสอดคล้องกับความรู้ที่สำคัญของธุรกิจ
ความยากหรือง่ายของการนำ KM มาประยุกต์ใช้ในองค์กร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของ KM Process หรือ KM Model เลย แต่อยู่ที่ว่า เราจะมีวิธีการประยุกต์อย่างไรให้เหมาะกับองค์กรเรามากที่สุด และถ้าเรายึดคติว่าจะนำ KM มาประยุกต์ใช้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด ก็สามารถเริ่มต้นและเดินต่อไปไม่ยากนัก เพราะเมื่อผู้ปฏิบัติเห็นความสำคัญ มันก็จะนำไปสู่การพัฒนางาน และส่งผลถึงการพัฒนาองค์กรต่อไป…
และที่สำคัญอย่าลืมนะคะว่า องค์กรไม่สามารถเกิด KM ได้ด้วยตัวเอง แต่การจะเกิด KM ได้นั้น มันต้องเกิดจากคนในองค์กรทำให้มันเกิดขึ้นมาต่างหาก 🙂
This is the one of my KM sharing ^^
เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นความสำคัญ มันก็จะนำไปสู่การพัฒนางาน ชอบๆๆๆๆ
Wow !!! @gootum สละเวลาพาสาวเที่ยวมาเจิม blog นี้ด้วยแฮะ…ขอบคุณนะคะ ^ ^
แต่ละองค์กรมีสไตล์ไม่เหมือนกัน ต้องประยุกต์ concept ของ KM ให้เข้ากับสไตล์ขององค์กร ทำให้ง่าย มีสาระบ้าง บันเทิงบ้าง สร้างสีสัน ให้น่าติดตาม
เห็นด้วยเลย
“แต่ละองค์กรมีสไตล์ไม่เหมือนกัน ต้องประยุกต์ concept ของ KM ให้เข้ากับสไตล์ขององค์กร ทำให้ง่าย มีสาระบ้าง บันเทิงบ้าง สร้างสีสัน ให้น่าติดตาม”
…ขอบคุณค่ะ
นวตกรรมเป็นสิ่งที่เราทำได้ด้วยการคิดๆๆๆๆๆๆๆหาวิธีการที่ดีกว่าได้ประโยชน์กว่าประหยัดกว่าและทำได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญก็คือเรามักจะคิดว่าเราทำไม่ได้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำเลยน่าเสียดายโอกาสแท้ๆ และบทความในwwwนี้ได้ประโยชน์มากที่สุดที่แนะนำวิธีคิดอย่างมีเหตผลให้แก่ทุกคนที่มองหาและมองเห็นโอกาสแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆแต่ขอให้ได้เริ่มก้าวที่1 แล้วก้าวที่2:3:4:5 จะตามมาค่ะ